วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วิธีทำสลัดผักเวียดนาม


ส่วนผสม

กุ้งตัวเล็กลวกสุก 1/2 ถ้วย
ผักกาดหอมหั่น 5-7 ใบ
เนื้อแตงกวาหั่นเป็นเส้น 1/4 ถ้วย
แครอทขูดเส้น 1/4 ถ้วย
มะม่วงเปรี้ยวซอย 1/4 ถ้วย
หัวปลีซอย 1/4 ถ้วย
ถั่วงอก เด็ดหัวหาง 1/4 ถ้วย
ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย
ผักแพวเด็ดเฉพาะใบ 1/4 ถ้วย
ถั่วลิสงคั่ว สับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ

นำส่วนผสมสลัดทั้งหมดใส่ชามผสม ราดน้ำสลัดคลุกให้เข้ากัน โรยหน้าด้วยถั่วลิสงคั่ว


น้ำสลัด

ส่วนผสม

น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสพริกศรีราชา (เผ็ดกลาง) 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ

ผสมส่วนผสมน้ำสลัดให้เข้ากันชิมรสตามชอบ พักไว้

วิธีทำกุ้งมะนาว


ส่วนผสม

กุ้งสด 400 กรัม
พริกขี้หนูซอย 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด ¼ ถ้วย
น้ำปลา ¼ ถ้วย
น้ำมะนาว ½ ถ้วย
ใบสะระแหน่
วิธีทำ

ผสมน้ำมะนาวโดยผสมพริกขี้หนู กระเทียม น้ำปลา และน้ำมะนาว ในชามผสม คนให้เข้ากัน ชิมรสดีแล้ว พักไว้
กุ้งแกะเปลือกไว้หาง ผ่าเอาเส้นดำออก ล้างทำความสะอาด นำมาลวกในน้ำเดือดพอสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ จัดใส่จาน
ราดน้ำมะนาวบนกุ้ง แต่งหน้าด้วยใบสะระแหน่ เสิร์ฟรับประทานทันที

อ้วน! ระวัง ไขมันคั่งในตับ

โรคของคนอ้วน ส่วนมากเราจะรู้จักกันแต่โรคเบาหวาน หัวใจ หลอดเลือด และความดันโลหิตสูง ขณะที่หลายคนคงยังไม่ทราบว่า คนที่มีลักษณะ อ้วนลงพุง ยังก่อให้เกิด “ภาวะไขมันคั่งในตับ” ได้โดยที่โรคนี้จะไม่แสดงอาการเตือนใด ๆ จนกระทั่งตับอักเสบและดำเนินโรคไปสู่ระยะตับแข็ง ตับวาย มะเร็งตับและเสียชีวิตในที่สุด

พญ.พนิดา ทองอุทัยศรี อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ให้ความรู้ว่า ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก อวัยวะหนึ่งของร่างกายมีหน้าที่เป็นแหล่งสะสมพลังงาน กำจัดสารพิษ ช่วยสร้างน้ำดีและโปรตีนที่สำคัญ ๆ ของร่างกาย ช่วยย่อยไขมัน โดยธรรมชาติตับของเราจะมีสีน้ำตาลแดง หากตับมีภาวะความเสี่ยงที่มีไขมันสะสมจะเริ่มกลายเป็นสีขาว เนื่องจากมีไขมันคั่งอยู่ในตับ!

ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นไขมัน คั่งในตับมักอยู่ในกลุ่มแรกมีเกณฑ์การวินิจฉัย คือ ต้องมีความผิด ปกติอย่างน้อย 3 ใน 5 ข้อดังต่อไปนี้ ได้แก่


1.อ้วนลงพุง
2.ระดับไขมันไตรกลี เซอไรด์ในเลือดมากกว่า 150 มก./ดล.
3.ระดับไขมันเอ ช-ดี-แอล (HDL) คอเลสเตอรอล ในผู้ชายน้อยกว่า 40 มก./ดล. และผู้หญิงน้อยกว่า 50 มก./ดล.
4.ความดันโลหิตมากกว่า 130/85 มม.ปรอท หรือทานยาลดความดันโลหิตอยู่และ
5.ระดับน้ำตาล ขณะอดอาหารมากกว่า 110 มก./ดล


โดยปกติร่างกายเผาผลาญไขมันต่าง ๆ จากเนื้อเยื่อนอกตับสามารถผ่านเข้าไปในตับได้แต่ตับก็มีขบวนการป้องกัน

ไม่ให้ไขมันสะสมแต่ต้องอาศัยฮอร์โมนอินซูลิน เมื่อไขมันเข้าไปเนื้อตับ บางส่วนตับจะส่งไขมันตัวนี้เข้าไปสลายให้เป็นพลังงานให้เราสามารถทำกิจวัตร ประจำวันได้ และไขมันส่วนที่เกินตับจะขับออกสู่กระแสเลือดได้ แต่ถ้าเมื่อใดมีภาวะดื้ออินซูลินขึ้นมาทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ มีการสลายไขมันออกมามากขึ้น เมื่อไขมันในเลือดมีมากก็เข้าสู่ตับมากขึ้น ในระยะแรกคนไข้อาจจะไม่มีอาการใด ๆ แต่บางรายอาจมีอาการปวดแน่นชายโครงด้านขวาหรืออาจตรวจอัลตราซาวด์เจอว่าตับ ขาวผิดปกติ และตรวจเลือดก็อาจจะปกติ ทางการแพทย์เรียกว่า ไขมันสะสมอยู่เฉย ๆ แต่เวลาผ่านไปถ้าไขมันสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตับจะมีการอักเสบขึ้นมา เพราะว่าไขมันตัวนี้จะปล่อยสารบางอย่างทำให้เกิดการอักเสบของตับ เมื่อเวลานานเข้าจะดำเนินโรคไปสู่ โรคตับแข็งโดยที่เราไม่ต้องดื่มเหล้า หรือไม่ได้เป็นไวรัสตับ

สำรวจพฤติกรรมตัวเองอายุยืน 100 ปี จะอยู่ถึงมั้ย

ใครๆก็คงอยากจะมีอายุยืนด้วยกันทั้งนั้น แต่การใช้ชีวิตในยุคสมัยที่รอบตัวเต็มไปด้วยมลพิษและสิ่งยั่วยวนให้ออกนอกลู่นอกทางได้ง่ายอย่างในปัจจุบันดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่
หลายคนจึงยอมทุ่มเงินมหาศาลไปกับทั้งเวชกรรมและเวชกรรมด้วยความหวังว่ามันจะช่วยยืดอายุออกไปได้บ้างไม่มากก็น้อย


อย่างไรก็ตาม ดร. โทมัส เพิร์ลส์ นักวิทยาศาสตร์ของอังกฤษเปิดเผยว่า ความจริงแล้วการจะมีอายุยืนยาวแค่ไหนนั้น มันก็ขึ้นอยู่ที่พฤติกรรมของแต่ละคนนั่นแหละที่เป็นตัวชี้วัด นั่นก็คือ .....



1. ความเครียด
เป็นที่รู้กันดีว่าการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันทำให้เราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาในรูปแบบต่างๆมากมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความน่าสนใจจึงอยู่ที่ว่า เรารับมือปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีแค่ไหนและปัญหาเหล่านั้นสร้างความตึงเครียดกับเราได้มากแค่ไหน


ดร. เพิร์ลส์กล่าวว่า "การหายใจลึกๆ และถอยออกมาจากปัญหาสักครู่จะช่วยให้เรารับมือกับปัญหาได้ดีกว่าการพยายามหาทางแก้ปัญหาให้ได้ในเดี๋ยวนั้น ซึ่งก็จะลดความเสี่ยงในการป่วยด้วยโรคหัวใจ มะเร็งและอัลไซเมอร์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นการเรียนรู้วิธีการควบคุมลมหายใจ การเล่นไท้เก๊กและโยคะ จะช่วยลดความเครียดให้เราได้เป็นอย่างดี"


แล้วคุณล่ะ จากการประเมินตัวเอง รับมือกับความเครียดได้ดีแค่ไหน ถ้ารับมือได้ดีบวกไป 5 ปี แต่ถ้าไม่ลบไป 5 ปี



2. พันธุกรรม
"ถ้าในครอบครัวของคุณมีสมาชิกที่เสียชีวิตตอนอายุ 80 หรือน้อยกว่านั้น คุณควรจะเข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อหาสิ่งผิดปกติอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ่้าหากในครอบครัวของคุณมีสมาชิกที่เสียชีวิตตอนอายุ 90 ไปแล้ว ก็ขอให้ดีใจได้ว่า คุณมีแนวโน้มที่จะอายุยืนได้เท่านั้นหรือมากกว่า ... แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงอย่างที่หวัง เช่น การสูบบุหรี่" ดร. เพิร์ลส์กล่าว



ถ้าคุณมีสมาชิกในครอบครัวของคุณเสียชีวิตตอนอายุ 90 เศษหรือมากกว่านั้น บวกไปอีก 10 ปี



3. ออกกำลังกาย
"สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการออกกำลังกายก็คือ การทำให้ได้เป็นประจำสม่ำเสมอ และสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมในการออกกำลังกายก็คือควรให้ร่างกายได้มีความยืดหยุ่นและแข็งแกร่งไปในเวลาเดียวกัน เพราะเราจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไป 1/3 ปอนด์ในทุกปีหลังจากที่เราอายุ 30 ปีไปแล้ว แต่ร่างกายก็จะสามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อที่หายไปขึ้นมาใหม่ได้ ถ้าหากคุณออกกำลังกายอย่าสม่ำเสมอ" ดร. เพิร์ลส์กล่าว


คุณออกกำลังกายวันละ 30 นาทีต่อวัน อาทิตย์ละ 5 วันหรือเปล่า ถ้าใช่ ให้บวกเพิ่มไปอีก 5 ปี ถ้าไม่ลบไป 5 ปี



4. ฝึกสมอง
"มีหลักฐานยืนยันว่าการฝึกสมองจะช่วยพัฒนาเรื่องความจำของคุณได้มาก และอาจจะลดความเสี่ยงการป่วยเป็นอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย" ดร. เพิร์ลส์กล่าว


คุณได้ฝึกสมองด้วยการเล่นต่อคำหรือคิดเลขเป็นประจำหรือไม่ ถ้าฝึกให้บวกเพิ่มไปอีก 5 ปี




5. ควบคุมอาหาร
"น้ำหนักตัวที่มากเกินไป หรือพูดง่ายๆ ว่าอ้วน เป็นบ่อเกิดที่นำมาซึ่งโรคต่างๆมากมาย เพราะฉะนั้น ลดปริมาณอาการในแต่ละมื้อลง อย่ากินระหว่างมื้อ มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีน้ำหนักตัวมากเพราะพฤติกรรมการกินที่มากเกินไป เพราะฉะนั้นอย่ากินให้อิ่ม หยุดกินซะก่อนที่จะอิ่มจะดีที่สุด" ดร. เพิร์ลส์กล่าว

คุณควบคุมอาหารอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ ถ้าไม่ทำลบไป 5 ปี แต่ทำอยู่ก็ดีแล้ว แต่ไม่ต้องบวกอายุเพิ่ม



6. สูบบุหรี่
ในข้อนี้คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ทุกคนคงเคยได้ยินพิษภัยของการสูบบุหรี่มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่สรุปก็คือ การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณมากกว่าการปล่อยตัวให้อ้วนเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ


ถ้าคุณสูบบุหรี่ลบออกไป 15 ปี แต่ถ้าไม่ ก็ไม่ต้องบวกเพิ่ม




คงจะทำให้แต่ละคนได้รู้แล้วว่าการใช้ชีวิตแบบที่เป็นอยู่มีความเสี่ยงจะอายุสั้นมากแค่ไหน


เมื่อรู้แล้ว ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ ก็ยังไม่สายที่จะทำให้คุณมีอายุยืนยาว


ที่แม้จะไม่ถึงร้อยปี แต่ได้อยู่กับคนที่เรารักให้นานที่สุด .... ก็น่าจะพอ

สาธารณสุขแจกถุงยางอนามัย-เจลหล่อลื่น รับวาเลนไทน์

กระทรวงสาธารณสุข ชู "รักปลอดภัย ถุงยางอนามัย...เอาอยู่" รับเทศกาลวันแห่งความรัก ทุ่ม 67 ล้านบาท ซื้อถุงยางอนามัย-เจลหล่อลื่นแจก เผยสถานการณ์หนองในแท้พุ่งในกลุ่มเยาวชน หวั่นเป็นสัญญาณเตือนประตูสู่โรคเอดส์


นาย วิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข แถลงข่าวการจัดงานรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ เนื่องในวันวาเลนไทน์ ประจำปี 2555 ซึ่งจะจัดทำพร้อมกันทั่วประเทศภายใต้แนวคิด "รักปลอดภัย ถุงยางอนามัย.เอาอยู่"


สำหรับกรุงเทพมหานคร จัดงานวันที่ 14 ก.พ. ที่ลานกิจกรรมเอ็มบีเค อเวนิว ชั้น 1 ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ เพื่อรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์เป็นปัญหา ใกล้ตัว และในปีนี้ได้มีการจัดสรรงบประมาณ 67 ล้านบาทจัดซื้อถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนด้วย


นพ.ไพ จิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มเยาวชนอายุ 15-19 ปี จาก 17.33% ในปี 2548 เป็น 19.31 % ในปี 2553 โดยเฉพาะโรคหนองในแท้เพิ่มขึ้นจาก 22.3% ในปี 2548 เป็น 42.2% ในปี 2553 และพบว่ามีการใช้ถุงยางอนามัยเพียง 53.2% เท่านั้น ส่วนอายุของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของผู้ชายอยู่ที่ 12.8 ปี ส่วนผู้หญิงอยู่ที่ 13 ปี จึงอยากแนะนำว่าควรมีเพศสัมพันธ์เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะสร้างคุณค่าให้กับ ตัวเองและสร้างความสุขใจให้กับครอบครัว และไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคด้วย


ด้าน นพ.สุเมธ องค์วรรณดี ผอ.สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุดในปี 2553 พบว่ามีผู้มาตรวจโรคในสถานพยาบาลทั่วประเทศทั้งสิ้น 74,996 ราย ในจำนวนนี้พบโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 11,099 ราย โรคที่พบมากที่สุดคือหนองในแท้ รองลงมาคือ ซิฟิลิส


โดยพบผู้ป่วย กระจุกตัวมากในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้การที่พบโรคหนองในแท้เพิ่มมากขึ้น ชี้ให้เห็นถึงการละเลยที่จะใช้ถุงยางอนามัยและเป็นสัญญาณว่าโรคเอดส์ต้อง เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าตัวเลขผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผู้เป็นโรคอายุน้อยลง

ผลกรรมทำแท้ง ริวจิตสำผัส

ระวังแอพต้มตุ๋นเกลื่อน Android Market

ระวังแอพต้มตุ๋นเกลื่อน Android Market


ในขณะที Google กำลังไล่กวดจำนวนแอพฯ ที่ให้บริการใน Android Market กับทาง App Store ของ Apple ซึ่งปัจจุบัน Android Market มีแอพฯ ไว้คอยให้บริการกับู้ใช้สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตมากกว่า 300,000 แอพฯ แล้ว แต่ล่าสุดก็มีข่าวที่คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ควรทราบ เพื่อระมัดระวังตัวไว้ด้วยนั่นก็คือ มีแอพฯ ใน Android Market เป็นจำนวนไม่น้อยที่เบื้องหลังการทำงานของมันคือ ความพยายามจะล้วงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ตลอดจนทำให้ระบบมีปัญหา
ตัวอย่างแอพฯ ต้องสงสัยที่กำลังถูกจับตามองอยู่ในขณะนี่ก็เช่น แอพฯ ปลอมเกมส์ดังอย่าง Batman Arkham City Lockdown, Angry Chciken, Madden NFL 12 และ Jetpack Joyride ซึ่งนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่นับรวมแอพฯ บางตัวที่ได้รับการรับรอง แต่กลับมีการพ่วงเอาแอพฯ อื่นๆ ติดตั้งตามเข้าไปด้วยในสมาร์ทโฟน โดยปราศจากการร้องขอการให้อนุญาตจากผู้ใช้ ผู้ใช้บางรายต้องเผชิญกับการถูกบังคับให้กรอกแบบสำรวจก่อนใช้โปรแกรม รวมถึงการนำข้อมูลส่วนตัวไปส่งต่อให้กับพวกขายตรงทางโทรศัพท์ ไปจนถึงสแปมเมล์ ผู้ใช้หลายคนอยากเล่นเกมส์ แต่กลับต้องตกเป็นเหยื่อกลโกงลักษณะนี้ ที่แย่สุดคือ แม้จะปฏิบัติตามขั้นตอนจนเสร็จ คุณก็ยังไม่สามารถเปิดเล่นเกมส์นั้นได้อยู่ดี ><"

ของสมาร์ทโฟนที่ใช้มากมาย แม้ Google จะพยายามป้องกันด้วยการเปิดบริการ Bouncer ที่สามารถสแกนแอพฯ อันตรายใน Android Market ได้โดยอัตโนมัติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ทีผ่านมา แต่ก็ยังมีการพบแอพฯ ปลอมมากมายแสดงตัวอยู่ในระบบเต็มไปหมด อย่างไรก็ตาม ตัวแทน Google กล่าวว่า แอพฯ หลายๆ ตัวที่กำลังถูกจับตาอยู่ในขณะนี้ ไม่ได้มีมัลแวร์ และไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับสมาร์ทโฟน หรือกระโดดข้ามขั้นตอนการขออนุญาตจากผู้ใช้แต่อย่างใด (แม้แอพฯเหล่านี้จะเป็นแอพฯ เลียนแบบเกมส์ดังก็ตาม...อุ๊ปส์!!!) อยากรู้ว่า ตอนนี้ หรือการใช้งานสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ของคุณยังปลอดภัยอยู่ หรือเปล่า